วันอังคารที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

การกำจัดวัชพืชด้วยวิธีธรรมชาติ


การกำจัดวัชพืชด้วยวิธีธรรมชาติ

         การกำจัดวัชพืชให้หมดไปจากสวนของเราบางทีก็เป็นเรื่องที่จุกจิกน่าดู แต่ครั้นจะทำเฉยปล่อยให้วัชพืชมากวนใจต้นไม้ ดอกไม้ ก็ไม่ใช่เรื่อง เราก็เลยจำเป็นต้องกำจัดวัชพืชด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่งต้องบอกเลยว่า หากเลี่ยงไม่ใช้น้ำยากำจัดวัชพืชที่ไม่มีสารเคมีได้ก็คงดีไม่น้อย 

        เราก็เลยมีน้ำยากำจัดวัชพืชถึง8สูตรมาฝากแถมด้วยเคล็ดลับกำจัดวัชพืชแจ่มๆอีกด้วยใครอยากกำจัดวัชพืชแบบปลอดภัยไร้สารเคมี ลองไปดูพร้อม ๆ กันเลย



 1. ปราบให้อยู่หมัดด้วยน้ำส้มสายชู
           น้ำส้มสายชูไม่เพียงแต่ใช้ทำความสะอาดบ้านได้เท่านั้น แต่ยังสามารถนำมากำจัดวัชพืชตัวป่วนในสวนสวยได้ด้วยและถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่แน่นอนจริงๆต้องเลือกใช้น้ำส้มสายชูที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย5-9%นำมาเทใส่ขวดสเปรย์เตรียมไว้ เลือกกำจัดวัชพืชในวันที่ฟ้าโปร่งไร้เมฆฝน พอได้จังหวะแล้วก็ฉีดสเปรย์วัชพืชเพียวๆให้ทั่วบริเวณที่มีต้นวัชพืชอาศัยอยู่ ฤทธิ์ของน้ำส้มสายชู จะกำจัดต้นวัชพืชน้อยใหญ่ทั้งหมดให้ราบเป็นหน้ากลองเลยจ้า

 2. น้ำเกลือกำจัดเกลี้ยง
           เกลือก็ใช้กำจัดวัชพืชได้เช่นกัน แต่น้ำเกลือมีผลข้างเคียงต่อดิน และต้นไม้บริเวณรอบๆไม่น้อย ดังนั้นสูตรนี้เลยใช้ได้เฉพาะพื้นที่ที่ไม่มีต้นไม้อยู่หรือเป็นพื้นที่ที่คุณไม่ต้องการปลูกพืชชนิดใดๆทั้งสิ้น เช่น บริเวณทางเดิน ใต้โต๊ะหินอ่อนในสวน เป็นต้น วิธีทำก็ไม่ยาก เพียงแค่ผสมเกลือ 1 ส่วน ละลายกับน้ำ 1 ส่วน จากนั้นก็นำไปราดกำจัดวัชพืชได้เลย

 3. ผสานพลังเกลือและน้ำส้มสายชู

           เกลือและน้ำส้มสายชูเป็นคู่ผสมสุดจี๊ด ที่มีฤทธิ์กำจัดวัชพืชได้อย่างราบคาบ แต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้ เหมือนสูตรน้ำเกลือเปี๊ยบ คือ ใช้ได้เฉพาะพื้นที่ที่ไม่ต้องการปลูกต้นไม้ชนิดไหนทั้งนั้น ส่วนวิธีการใช้ก็แค่ผสมเกลือ 1 ¼ ถ้วยตวง ละลายในน้ำส้มสายชู 1 แกลลอน คนให้เข้ากันแล้วนำไปราดกำจัดวัชพืชได้ตามสะดวกค่ะ

 4. ไล่วัชพืชไปให้ไกลด้วยน้ำยาล้างจาน

           ส่วนผสมง่าย ๆ อย่างน้ำยาล้างจาน 1 ส่วน กับน้ำ 10 ส่วน แค่นี้ก็เพียงพอจะใช้กำจัดวัชพืชได้อยู่หมัดเช่นกัน แต่แนะนำให้เทส่วนผสมสูตรนี้ในปริมาณที่มากพอจะท่วมขังพื้นที่ได้สักพัก ให้น้ำยาล้างจานออกฤทธิ์กำจัดวัชพืชไปให้ไกล

 5. น้ำส้มสายชูกับน้ำยาล้างจาน
           สำหรับคนที่ขยันกำจัดวัชพืช อาจจะใช้สูตรกำจัดวัชพืชสูตรนี้ก็ได้ โดยให้คุณเทน้ำส้มสายชูในขวดเสปรย์ แล้วบีบน้ำยาล้างจานใส่ลงไปสัก 2-3 หยดเสร็จแล้วเขย่าให้เข้ากันดีจากนั้นก็นำไปฉีดกำจัดวัชพืชได้ทุกที่เพียงแต่ต้องขยันฉีดเช้า-เย็น 2 ครั้งต่อวันเท่านั้นเอง

 6. น้ำเดือดก็เอาอยู่
           ไม่ต้องอาศัยส่วนผสมใด ๆ ทั้งสิ้น เราก็สามารถกำจัดวัชพืชได้เกลี้ยงเหมือนกัน ด้วยการต้มน้ำจนเดือดปุด ๆ แล้วยกไปราดวัชพืชโดยตรงเลย แต่วิธีนี้ต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้น้ำเดือดเกินเลยไปโดนต้นไม้ของเรานะคะ ไม่อย่างนั้นงานนี้ต้นไม้สวยๆ ที่เฝ้าดูแลมานานมีโอกาสเฉาตายแน่ ๆ

 7. สยบวัชพืชด้วยดับเบิ้ลความเปรี้ยวจี๊ด

           สูตรนี้จะใช้น้ำมะนาวเพียว ๆ หรือน้ำมะนาว ½ ถ้วยตวง กับน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยตวง แล้วนำมาฉีดพ่นกำจัดวัชพืชก็ได้ สูตรนี้จะให้ผลลัพธ์ได้ดีพอ ๆ กับสูตรน้ำส้มสายชูเลยล่ะเสียอย่างเดียวตรงที่น้ำมะนาวค่อนข้างมีราคาสูงกว่าน้ำส้มสายชูนิดหน่อยแต่ถ้าบ้านไหนปลูกมะนาวกินเอง ก็ไม่น่ามีปัญหา

 8. สูตรเบสิกง่ายที่สุด

           สูตรน้ำยากำจัดวัชพืชแบบบ้าน ๆ จะมีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยตวง ผสมกับเกลือป่น ¼ ถ้วยตวง และน้ำยาล้างจาน 2 ช้อนชา (เลือกใช้น้ำยาล้างจานสูตรที่ไม่มีสารฟอกขาวด้วยนะคะ) คนทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วนำฉีดพ่นวัชพืชโดยตรงได้เลย


ที่มา : https://home.kapook.com/view145198.html
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง http://www.rakbankerd.com/agriculture

เครื่องมือเครื่องใช้ในการขยายพันธุ์พืช


เครื่องมือเครื่องใช้ในการขยายพันธุ์พืช



 แบ่งได้ดังนี้

1.       มีด  มีดที่นิยมใช้งานเกษตรมี 3 ชนิด คือมีดตอนกิ่ง  มีดติดตา  และคัตเตอร์

การเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานและคำนึงความปลอดภัยด้วย

    มีดตอนกิ่ง  มีลักษณะปลายแหลม ปลายโค้งเล็กน้อย  ใช้สำหรับควั่นกิ่งที่ต้องการจะตอน

    มีดติดตา    มีลักษณะปลายแหลม  ใช้สำหรับเฉือนหรือปาดแผ่นตา  และเตรียมต้นตอสำหรับการติดตา ต่อกิ่งและทาบกิ่ง  มีดติดตาต้องคมมาก  มิฉะนั้นจะทำให้แผลช้ำ  ส่วนท้ายด้ามมีดใช้ในการแงะเผยอเปลือก หรือลอกเปลือกออก ทำจากเขาของสัตว์  หรือทองเหลือง

    คัตเตอร์    ปัจจุบันนิยมใช้กันมาก  ราคาถูก ใบมีดคมมากไม่ต้องเสียเวลาลับใบมีด  นำมาใช้ในการขยายพันธุ์พืช  ทำให้พืชไม่ช้ำ

2. กรรไกรตัดกิ่งไม้  ใช้สำหรับตัดแต่งกิ่งไม้ขนาดเล็ก  ตัดกิ่งพันธุ์  กิ่งตอน ฯลฯ

เวลาใช้ต้องปลดที่ล็อกก่อน  เมื่อใช้เสร็จทำความสะอาด เช็ดให้แห้ง ปิดล็อกใบมีด 

และเก็บเข้าที่

3. เลื่อยตัดกิ่ง มีลักษณะปลายโค้งเรียว ฟันเลื่อยห่างๆ มีขนาดเล็ก ใช้สำหรับตัดกิ่งหรือแต่งกิ่งไม้ขนาดใหญ่

  การทำความสะอาดและเก็บรักษาเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ

        อุปกรณ์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น  ส่วนใหญ่ทำมาจากโลหะ เมื่อใช้เสร็จต้องทำความสะอาดเช็ดยางไม้ออกให้หมดด้วยน้ำมัน  แล้วจึงเช็ดให้แง  ทาน้ำมันกันสนิมและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย

        การซ่อมแซมเครื่องใช้ในการขยายพันธุ์พืช

         1.  มีดทุกชนิด   หมั่นลับให้คมอยู่เสมอ  วิธีลับใบมีดให้ใบมีดทำมุมกับหินลับมีดประมาณ  15 องศา  ขณะลับใบมีดควรหยอดน้ำ  เมื่อลับด้านหนึ่งคม ให้กลับอีกด้านหนึ่งมาลับเช่นเดียวกัน ด้ามมีด ควรดูแลซ่อม ตอกหมุดให้ด้ามแน่นเมื่อใช้จะจับได้ถนัดมือ

        2.  กรรไกรตัดกิ่งไม้  หมั่นตรวจดูสปริงและนอต  เพราะมักจะชำรุดได้ง่าย

        3.  เลื่อยตัดกิ่งไม้  หมั่นลับฟันเลื่อยให้คมด้วยตะไบที่มีขนาดเหมาะสม  และดัดฟันเลื่อยให้ตรง ตรวจด้ามเลื่อย นอตที่ยึดกับใบเลื่อยให้แน่นอยู่เสมอ

ข้อควรปฏิบัติ   การใช้เครื่องมือทุกชนิดหลังจากใช้งานเสร็จ  ควรตรวจดูถ้าพบว่าชำรุดต้องซ่อมแซมก่อนเก็บเข้าที่  เมื่อจะนำมาใช้ในครั้งต่อไปจะได้ใช้งานได้ทันที

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง : http://learn.wattano.ac.th/propagation/tool.htm

วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560

หลักการขยายพันธุ์พืช



การขยายพันธุ์พืช

1. ความหมายและความสำคํญ

กระบวนการที่ทำให้เกิดการเพิ่มปริมาณต้นพืชให้มากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำรงสายพันธุ์พืชชนิดต่าง ๆ ไว้มิให้สูญพันธุ์ เป็นการกระจายพันธุ์พืชพันธุ์ดีเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิต ทั้งนี้รวมถึงการผลิตต้นพันธุ์พืชพันธุ์ดีชนิดต่าง ๆ เป็นการค้าด้วย
2. คุณสมบัติของผู้ขยายพันธุ์พืช
- ควรมีความรู้ด้านการขยายพันธุ์พืชวิธีต่างๆ
- มีความรู้ในการใช้ฮอร์โมนและสารเคมีทางด้านการเกษตร
- สุขุมรอบคอบ ใจเย็น รักในอาชีพ
- ใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ มีความคิดสร้างสรรค์
3. ประเภทและวิธีการ การขยายพันธุ์พืช
การขยายพันธุ์พืชแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่
1. การขยายพันธุ์พืชโดยอาศัยเพศ
2. การขยายพันธุ์พืชโดยไม่อาศัยเพศ หรือใช้ส่วนต่างๆของต้น

หลักการขยายพันธุ์พืช
การขยายพันธุ์พืชให้ประสบผลสำเร็จต้องมีความรู้ดังนี้ คือ
1. ต้องมีทักษะในการขยายพันธุ์พืช ผู้ที่จะทำการขยายพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นวิธีการตอนกิ่ง การต่อกิ่ง ติดตา และทาบกิ่ง จำเป็นที่จะต้องฝึก ปฏิบัติหัดเพื่อให้เกิดความชำนาญ

2. ต้องรู้จักโครงสร้างภายในต้นพืชและนิสัยการเจริญเติบโตของพืชและควรมีความรู้พื้นฐานทาง ด้านพฤกษศาสตร์ พืชสวน พันธุ ศาสตร์ และสรีรวิทยาของพืช ความรู้พื้นฐานเหล่านี้มีส่วนช่วยให้การขยายพันธุ์ประสบผลสำเร็จอย่างมาก

3. ต้องรู้จักชนิดของพืชและวิธีการขยายพันธุ์ที่ให้ผลแน่นอน ซึ่งพืชแต่ละชนิดมีความยากง่ายในการขยายพันธุ์แตกต่างกัน ดังนั้นจึงจำเป็น ที่จะต้องทราบถึงเทคนิคต่างๆ ในพืชแต่ละชนิด ซึ่งความรู้อาจได้จากการศึกษาจากเอกสารทางวิชาการหรือจากผู้ที่มีประสบการณ์หรืออาจ ทำการศึกษาทดลองค้นคว้าด้วยตนเอง


วิธีการขยายพันธุ์พืช

1. การตอนกิ่ง คือ การทำให้ส่วนของพืชเกิดรากในขณะที่ยังติดอยู่กับต้นแม่ คือ ทำให้เกิดรากพิเศษ (adventitious roots) เมื่อกิ่งออกรากดีแล้วก็ตัดไปปลูก ต้นพืชที่ปลูกและตั้งตัวได้ดีแล้ว จะกลายเป็นต้นพืชต้นใหม่ต่อไป สำหรับการตอนกิ่งเป็นวิธีการขยายพันธุ์ไม้ผลวิธีการหนึ่งที่นิยมทำกันมากเพราะสามารถกระทำได้โดยง่าย สะดวก และใช้อุปกรณ์น้อย

2. การตัดชำ คือ การตัดส่วนใดส่วนหนึ่งของต้น ใบ หรือรากของพืช แล้วนำมาชำไว้ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดรากและยอด และพัฒนาเป็นพืชต้นใหม่ โดยที่ต้นใหม่มีลักษณะเหมือนต้นแม่ทุกประการ

3.การต่อกิ่งหรือการเสียบกิ่งคือการสอดส่วนของพืชหรือกิ่งพืชต้นหนึ่งลงบนต้นพืชอีกต้นหนึ่ง และส่วนทั้งสองของพืชจะเชื่อมประสานติดต่อกัน และเจริญไปเป็นพืชต้นใหม่ โดยส่วนที่อยู่ใต้รอยต่อจะทำหน้าที่เป็นรากดูดน้ำ และแร่ธาตุอาหาร เรียกว่า ต้นตอ (rootstock, understock, stock) และส่วนที่อยู่เหนือรอยต่อจะทำหน้าที่เป็นกิ่งก้านสาขาที่ให้ดอกและผลเร็วกว่ากิ่งพันธุ์ดี (Scion or cion)

4. การติดตาการนำเอาตาของกิ่งพันธุ์ที่ดีเพียงตาเดียวมาติดบนต้นตอ แผ่นตาอาจจะลอกเนื้อไม้ออกหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดพืช และวิธีการติดตา อาจเรียกการติดตาว่าการต่อตา (bud grafting)



4. กระบวนการจัดการงานขยายพันธุ์พืช
         กลีบเลี้ยง (speal) ส่วนนี้จะอยู่นอกสุด โดยเปลี่ยนแปลงเจริญมาจากใบ มีขนาดเล็กมีสีเขียว ทำหน้าที่ป้องกันอันตรายให้แก่ดอกไม้ขณะตูม
กลีบดอกไม้ (Petal) ส่วนนี้อยู่ถัดจากกลีบเลี้ยงเข้าไป มีขนาดใหญ่กว่า

        กลีบเลี้ยง ซึ่งมีสีสันสวยงาม มีกลิ่นหอม ทำหน้าที่ล่อแมลงเพื่อช่วยผสมเกสร
เกสรตัวผู้ (Stamen) ส่วนนี้อยู่ถัดจากกลีบดอกเข้าไป ทำหน้าที่เป็น
เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ มักมีหลายอันรวมกัน มีส่วนประกอบที่สำคัญอยู่คือ
1. ก้านชูอับเรณู มีลักษณะแท่งยาวทรงกระบอก มีหน้าที่ชูอับละอองเรณู
2. อับเรณู เป็นเม็ดเล็กๆ อยู่บนก้านชูอับเรณู ภายในอับเรณูจะมีละออง
เรณูอยู่มากมาย มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ คล้ายผงสีเหลือง
3. ละอองเรณู อยู่ภายในอับเรณู ทำหน้าที่สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้
เกสรตัวเมีย (Pistill) ส่วนนี้อยู่ชั้นในสุด ทำหน้าที่เป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย มีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ
1. ยอดเกสรตัวเมีย ส่วนนี้จะมีขนเส้นเล็กๆ และมีน้ำหวานเหนียว ๆ สำหรับดักจับละอองเรณู รวมทั้งยังใช้เป็นอาหารสำหรับการงอกของหลอดละอองเรณู
2. ก้านเกสรตัวเมีย ส่วนนี้จะทำหน้าที่ชูยอดเกสรตัวเมียให้อยู่ในระดับสูงๆ
เพื่อประโยชน์ในการผสมพันธุ์ นอกจากนี้ยังเป็นทางให้ละอองเรณูแทงหลอดเรณู
ลงไปเพื่อให้เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้เข้าผสมกับเซลล์ไข่ได้
3. รังไข่ ส่วนนี้มีออวุล ซึ่งมีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ บรรจุอยู่ภายใน
รังไข่หนึ่งอาจมี 1 ออวุล หรือหลายออวุล ก็ได้ ภายในออวุี่ลเป็นแหล่งสร้างเซลล์ไข่ซึ่งทำหน้าที่เป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย เหมือนกันหรือไม่
5. ตัวอย่างการขยายพันธุ์พืช
การขยายพันธุ์พืช หมายถึง วิธีการที่ทำให้เกิดการเพิ่มปริมาณของต้นพืชให้มากขึ้น เพื่อดำรงสายพันธุ์ พืชชนิดต่าง ๆ ไว้ไม่ให้สูญพันธุ์ ซึ่งวิธีการที่นิยมปฏิบัติโดยทั่วไป ได้แก่
- การตอนกิ่ง
- การทาบกิ่ง
- การติดตา
- การเสียบยอด
- การตัดชำ

     การปลูกพืชโดยหว่านเมล็ดโดยตรงในแปลงปลูก เป็นวิธีการขยายพันธุ์พืชด้วยเมล็ดแบบหนึ่งซึ่งมักจะใช้กับการปลูกพืชไร่ และธัญพืชรวมทั้งการปลูกผักเป็นการค้า โดยปกติแล้วการปลูกพืชโดยวิธีนี้เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก เพราะไม่ต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์มาก การปลูกพืชจำนวนมากๆ จึงมักจะใช้วิธีนี้ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและสะดวก จึงเป็นวิธีที่นิยมอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวไร่ชาวสวนทั่วไป เพราะต้นพืชจะเจริญติดต่อกันไปรวดเดียวโดยไม่ชะงักการเจริญเติบโต

        เป็นวิธีการขยายพันธุ์พืชโดยไม่ใช้เพศที่สามารถทำได้โดยการนำกิ่งพันธุ์ดีที่มีตามากกว่า 1 ตา มาต่อบนต้นตอ เพื่อให้เนื้อเยื่อเจริญทั้งสอง เชื่อมประสานเป็นต้นเดียวกัน การขยายพันธุ์ด้วยวิธีต่อกิ่ง จะดีกว่าการติดตามาก เพราะจะได้รอยต่อที่แข็งแรงกว่ามาก การต่อกิ่งนิยมใช้อย่างแพร่หลาย และได้ผลดีกับพืชบางชนิด เช่น เฟื่องฟ้า ชบา โกสน เล็บครุฑ มะม่วง พุทรา ขนุน องุ่น ฯลฯ
      แตกยอด เจริการปักชำ คือ การตัดส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช เช่น ใบ กิ่ง ลำต้น ราก ออกจากต้นเดิม ไปเก็บไว้ในที่ที่มี สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ทำให้ส่วนต่างๆดังกล่าวของพืชงอกรากและญเติบโตเป็นพืชต้นใหม่ต่อไปได้
       การทำให้กิ่งหรือต้นพืชเกิดรากขณะติดอยู่กับต้นแม่ จะทำให้ได้ต้นพืชใหม่ ที่มีลักษณะทางสายพันธุ์ เหมือนกับต้นแม่ทุกประการ โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติ                                                     การนำต้นพืชสองต้น ซึ่งมีลักษณะรากและส่วนยอดมาเชื่อมติดให้เป็นต้นเดียวกัน โดยมีเซลล์เนื้อเยื่อเป็นตัวเชื่อม การทาบกิ่งสามารถทำได้ทุกฤดูกาล การได้ผลดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับระยะการเจริญเติบโต และชนิดของพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน
ที่มา : http://thaigoodview.com
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง : http://oknation.nationtv.tv